ห้องสมุดของชาวญี่ปุ่น Tenri University Library     

Tenri University Library

เป็นความโชคดีของครอบครัวเรา  ที่ได้มาเยือน Tenri University เพราะก่อนจะเดินทางเคยวางแผนกันว่าจะมาที่นี่พร้อมกับกับ นอ.หญิงเนืองนิจ (รามดิลก) มากบุญ  เพราะเป็นเมืองที่น้องเล็ก (นันทรัตน์ (รามดิลก)  KIKUTA ) ซี่งมาตั้งครอบครัวกับเซนเซ ผู้มีบทบาทและหน้าที่สำคัญหน้าที่สำคัญของศาสนาเทนริเคียว จังหวัดนารา ประเทศญี่ปุ่น

มหาวิทยาลัยเทนริ (Tenri University) ตั้งอยู่เลขที่ 250 Morimedo เมืองเทนริ จังหวัดนารา  สร้างโดย Shozen nakayama  เมื่อ ค.ศ.1930 มีการจัดการเรียนการสอนภายใต้ปรัชญาคำสอนของศาสนาเทนริเคียว ของเทนริโอ-โนะมิโคโตะ  พระผู้เป็นเจ้าโอะยะงะมิ ที่มีคำสอนเป็นปรัชญาว่า ทุกคนเป็นพี่น้องกัน ย่อมช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างโลกและชีวิตให้มีความสุขแล้วช่วยกันทำให้โลกมีสันติภาพ รู้รักสามัคคี  เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนาเทนริเคียวทั่วโลกมีราวสองล้านกว่าคน ในทุกๆ ปี จะมารวมตัวกันที่ “ จิบะ”   เพื่อปฏิบัติศาสนกิจ  องค์กรเทนริเคียว  เป็นศาสนามี่มีพลังในการสร้างให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาเป็นจิตอาสา เป็นนักสงเคราะห์ ใส่ใจและให้ความสำคัญกับการทำงานเพื่อสร้างสรรค์ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์  สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฯลฯ ในเมืองไทยก็ยังมีศูนย์ของศาสนาเทนริเคียว าตั้งอยู่ที่ซอยลาดพร้าว 69 บางกะปิ กรุงเทพฯ

น้องเล็กและเซนเซ  พาเราสองคนไปชมห้องสมุดซึ่งมีสถาปัตยกรรมเป็นทรงแบบยุโรปเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาเคียงคู่กับการก่อตั้งศาสนา  เป็นอาคารที่ดูภูมิฐาน   คลาสสิก สวยงาม  ด้านในมีห้องโถงกว้าง  ชั้นบนตกแต่งด้วยไม้เนี้อแข็งทุกชั้นดูเข้มขลังทรงพลังของแหล่งเรียนรู้อันล้ำค่า  มีห้องที่จัดเก็บหนังสืออนุรักษ์มากมายหลายห้อง  ดูเป็นหมวดหมู่  มีระบบระเบียบ  และที่นี่ก็มีกฏเหมือนกับห้องสมุดที่อื่นๆ คือ ห้ามถ่ายภาพ  พวกเราได้รับความเมตตาจากเซนเซและน้องเล็กที่สละเวลาพาเราเดินชมทั่วทุกมุมห้อง  ได้ถ่ายภาพบางมุมไว้เป็นที่ระลึก  ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทำให้เราได้มีโอกาสมาเยือนห้องสมุดแห่งนี้  ทั้งที่ไม่มีอยู่ในกำหนดการและไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้มาพบห้องสมุดที่ล้ำค่าแห่งนี้  เราประทับใจเกินกว่าจะหาคำบรรยาย  ได้แต่คิดอยู่ในใจว่าจะเก็บรักษาของที่ระลึกที่ญาติของเซนเซ ผู้ซึ่งทำหน้าที่แผนกหนึ่งในห้องสมุด  นำมามอบให้เป็นของที่ระลึก หลังจากที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ในห้องสมุด  เซนเซและน้องเล็กพาเราไปที่  พิพิธภัณฑ์เทนริ  ที่สร้างขึ้นโดยองค์กร ศาสนาเทนริเคียว เป็นอาคารสูงกว้างใหญ่และมีหลายชั้น ตั้งอยู่บริเวณมหาวิทยาลัยเทนริ   จุดประสงค์เพื่อให้ผู้ชมได้เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ต่างๆ ทั่วโลก  ด้วยการจัดเก็บที่เป็นระบบ ด้วยสัดส่วนพื้นที่ที่ลงตัว สวยงาม มีทั้งวัตถุโบราณ สิ่งของเครื่องใช้ของชาติพันธุ์ต่างๆ ข้อมูลและสิ่งของที่เกี่ยวกับชาติพันธุ์ ก็มีความชัดเจนทั้งเอกสารแนะนำและการใช้เทคโนโลยีที่ใช้นำเสนอ ตัวอาคารด้านนอกมีความสวยงาม คลาสสิกแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม สร้างมาเกือบศตวรรษ ภายในมี มี 3 ชั้น  ผู้เขียนคิดถึงพิพิธภัณฑ์จ่าทวี เมืองพิษณุโลก ภูมิปัญญาและความคิดของครอบครัวจ่าทวี ที่ช่วยกันสร้างสมบัติล้ำค่าไว้ให้ลูกหลาน ผู้เขียนรู้สึกภาคภูมิใจและมักพูดให้ลูกศิษย์เกิดความคิดและแรงบันดาลใจ ในการศึกษารากเหง้าของบรรพบุรุษพร้อมกับความคิดในการอนุรักษ์และสืบสาน  พิพิธภัณฑ์เทนริ  มีรูปแบบการจัดพิพิธภัณฑ์ได้ดีอย่างผู้เขียนคาดไม่ถึง  รู้สึกนับถือความพยายามของชาวญี่ปุ่น  เป็นเพราะประชากรของประเทศญี่ปุ่นมีคุณภาพและเอาจริงเอาจัง  มีระเบียบวินัยกับงาน จึงสามารถสร้างพิพิธภัณฑ์ได้ดีงามขนาดนี้  มีพิพิธภัณฑ์ที่โตเกียวและเกียวโตอีกหลายที่ที่ผู้เขียนอยากเข้าไปบันทึกภาพ  แต่เขาห้ามจึงได้แต่เก็บไว้เพียงความประทับใจไม่รู้ลืม หากคนรุ่นใหม่ของบ้านเราได้มาท่องเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อศึกษาดูงานด้านนี้  น่าจะได้นำความคิดและตัวอย่างแล้วนำกลับไปบริหารการจัดการพิพิธภัณฑ์บ้านเรา  ก็จะทำประเทศชาติของเราได้มีแหล่งเรียนรู้ที่จะสามารถสนับสนุนและส่งสเริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมต่อไป

หลังจากได้ชมห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์แล้ว น้องเล็กพาพวกเราไปที่อาคาร จิบะ เพื่อนำชมและสวดมนต์ขอพรให้สองเราไม่ให้มีโรคภัยไข้เจ็บ  ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยปกปักรักษา อาคารจิบะทำด้วยไม้เกือบทั้งอาคาร พื้นไม้ขัดมันเป็นเงาวับ  ทั้งสะอาดและสวยงาม  ท่าทางการสวดมนต์ที่ปรบมือเป็นจังหวะค้อมศีรษะคารวะต่ำลง  ช่างเรียบง่ายงดงาม  จรรโลงใจยิ่งนัก

หลังจากที่เพลิดเพลินกับความสวยงามของศูนย์เทนริเคียวและได้รับความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับศาสนาเทนริเคียวจากน้องเล็กแล้ว  ลูกสาวและหลานชายตัวเล็กๆเพิ่งหัดเดินของคุณย่า(น้องเล็ก)  พากันมาส่งพวกเราเพื่อให้เลือกซื้อของที่ที่ระลึกบริเวณย่านการค้าที่อยู่เลยออกมาจากบริเวณนั้นไม่ไกลนัก ย่านการค้าแห่งนี้เป็นแนวยาวลึก  มีหลังคาคลุมตลอดแนว  ยาวทะลุไปถึงถึงทางออกไปสู่สวนสาธารณะ มีร้านค้าริมทางเดินทั้งสองด้านดูเรียบร้อย  สะอาด  สวยงาม มีเอกลักษณ์ของชาวญี่ปุ่นแทรกอยู่ทุกร้าน  มีสินค้านำเสนอหลากหลายทั้งข้าวของเคร่องใช้ กระเป๋า  รองเท้า  เสี้อผ้า  ราคาไม่แพงนัก เราได้ซี้อของที่ระลึกสัญลักษร์ของศาสนาเทนริเคียวกลับมาหลายชิ้น  มีร้านขนมไส้ถั่วแดงรสอร่อยเจ้าเก่าที่น้องเล็กซื้อให้เราสองแม่ลูกได้ลองชิม แค่คนละอันก็อิ่มแปล้ไปเลย น้องเล็กเดินมาส่งพวกเราถึงสถานีรถไฟ  คิดอยู่ในใจว่าคนไทยอยู่บ้านไหนเมืองไหนก็เอื้ออาทรกับคนไทยด้วยกันเหมือนญาติสนิท  และที่นี่ถือเป็นที่สุดของทริปนี้   ถ้ามีโอกาสตั้งใจจะกลับมาเยือนที่นี่อีกสักครั้ง  กลับมาเพื่อชื่นชมห้องสมุดที่ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้มาพบแห่งนี้  ภาพทุกภาพที่ได้มาทำบันทึกไว้ถือเป็นของฝากชิ้นสำคัญที่ให้กับญาติมิตรลูกศิษย์และผู้สนใจทางเมืองไทยไทย พร้อมกับบันทึกย่อๆที่มีสาระมาจากประสบการณ์ตรงบันทึกนี้ .

 

 

 

About ครูกิติยา 95 Articles
ครูส่งเสริมการอ่าน

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*