ค่ำคืนที่เมืองสองแคว

ลำน้าน่านที่ไหลผ่านพิษณุโลก  แบ่งเมืองฝั่งตะวันออกแลฝั่งตะวันตกทำให้เมืองสองแคว ถูกเรียกว่าเมืองอกแตกมาแต่อดีต แม้ชื่อนี้คนรุ่นใหม่จะไม่คุ้นชินกับการเรียกขานนัก (เพราะฟังแล้วไม่ไพเราะกระมัง) ย้อนหลังไปราว 20 ปี  สองฝั่งน่านมีเรือนแพเรียงรายสุดสายตา   ริมตลิ่งทั้งสองฝั่งชาวบางช่วงเขียวขจี สวยงามด้วยชาวแพพากันปลูกพืชผักสวนครัว(ปลอดสารเคมี)  ดูช่างเป็นวิถีที่งดงาม  พอเพียง  วันไหนที่ได้มีโอกาสได้ไปเดินเล่นริมน้ำน่าน  เห็นเรือนแพแล้วฮัมเพลงอมตะ ของคุณชรินทร์  นันทนาคร ไปด้วยแล้ว  เหมือนจะทำให้ความงดงามของเรือนแพยิ่งงดงามมากขึ้นในจิตสำนึก   เสียดายที่ไม่ได้บันทึกภาพเรือนแพในอดีตไว้เป็นสมบัติของตนเองเลย  วันนี้เลยนำภาพเมืองสองแควยามค่ำคืนที่บันทึกไว้เมื่อไม่นานมาบันทึกไว้  เพราะทุกภาพทำให้คิดถีงภาพในอดีตที่งดงามยิ่งกว่า …  ภาพในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง  หน้าวัดใหญ่ที่ชาวพิษณุโลกมากราบไหว้พระพุทธชินราชในคืนเดือนเพ็ญก่อนจะลงไปริมตลิ่งเพื่อลอยกระทงขอขมาพระแม่คงคาสองฝั่งน่าน   เป็นภาพวิถีชาวพุทธเมืองพระงามที่งดงามอยู่ในความทรงจำตลอดมา  ผู้เขียนคิดถึงภาพเมื่อครั้งมีเรือนแพอยู่สองฝั่ง   มีเรือนแพของลูกศิษย์เก่าชาวแพหลายคนที่ตั้งใจจะเชิญชวนให้ครูลงไปลอยกระทงที่ริมเรือนแพของเขา (บริการลงแพเพื่อลอยกระทง ท่านละ 5 บาท) การที่ศิษย์ได้มีโอกาสให้ครูใช้บริการฟรี  ดูเป็นความภาคภูมิใจที่สัมผัสได้ด้วยรอยยิ้มและแววตา   และเมื่อมาถึงโรงเรียนในเช้าวันรุ่งขึ้นก็จะมีเสียงรำพึงรำพันน้อยใจให้ได้ยินเกือบทุกปีว่า…..ครูทำไมไม่ไปลอยกระทงที่แพหนู  ปีหน้าต้องไปนะ   …

 

วันนี้แม้จะมีเพียงความทรงจำ  แต่บันทึกนี้เป็นบันทึกแห่งความคิดถึงภาพที่สวยงามของศิษย์เก่า  (ซึ่งเติบโต  มีครอบครัวใหม่ และย้ายไปอยู่ที่อื่นหมดแล้ว  ตั้งแต่เทศบาลย้ายแพขึ้นบก)  ภูมิทัศน์ริมน้ำน่านเปลี่ยนไป  มีภาพสวยงามใหม่ๆมาแทน  แต่ภาพเก่าที่สวยงามในใจยามค่ำคืนที่ริมน่านเมืองสองแคว   ไม่เคยลบเลือนไปจากใจ   เสียงสวยๆ  ดวงตาใสๆ และหัวใจที่บริสุทธิ์ของลูกศิษย์ในคืนเดือนเพ็ญ ก็ยังคงงามเด่นอยู่เช่นนั้น…..และทุกค่ำคืนที่ริมน่านเมืองสองแควก็จะยังคงมีภาพที่งดงามตลอด

About ครูกิติยา 95 Articles
ครูส่งเสริมการอ่าน

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*